Translate

วันจันทร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2555

การเล่นเทคนิคดีดโน้ตข้ามสาย(string skipping)

EX.1 Phrase A



สำหรับ ใน EX.1 นี้เป็น Phrase A ซึ่งใช้เป็นกลุ่มทำนองหลัก ของเพลงนี้ (memo. Skip) ผมใช้ ทางเดินchord I IV V7 ใน Dmajor key ( D E F# G A BC#) มาการสร้างแนวทำนอง ใน 2 bar แรก เป็นการใช้ motive Repeated + กับขั้นคู่ perfect 5 ของchord D(add2) = D E F# A , chord G(add2) = G A B D ส่วนในbar 3 .ใช้ Chord A7 (คู่ 7minor & คู่ 6 major) , ในbar4 .ใช้การเคลื่อนที่ ในระบบครึ่งเสียงแบบ Chromatic มาช่วยเชื่อมเพื่อให้ทำนองลงตัว และเล่นวนกลับไปมาได้ สำหรับการดีด skipping มือขวา ผมจะใช้แขน กับข้อมือมากกว่าปกติ ซึ่งอันนี้ผมคิดว่าไม่มีกฏเกณฑ์ที่แน่นอนนะครับ



Ex.2 Memo. Skip




ในส่วนของEx.2 ตอนแรกกะว่าจะลงโน้ต Phrase B อย่างเดียว คิดไปคิดมา ลงทั้งเพลงเลยดีกว่านะครับ เพลงนี้จะมี 3 Phrase A(3bar) , B(4bar), C (4bar) ไม่ร่วมการย้อน ซึ่งในPhrase A B จะเน้นการ string skipping ส่วนในท่อน C (Ending) จะเน้นการฝึกสัดส่วนของ 6พยางค์ ที่ต้องเล่นเชื่อมต่อกับ sixteenth note แบบต่อเนื่องกัน ใน ท่อน B และC นั้นผม เปลี่ยนมาใช้คีย์ G major ( G A BC D EF#) ผมจะเน้นตัว 4 (sus4)ของchord มาช่วยแต่งเติมทำนองในphrase B ในทางเดินchord ={I(G) , iiib(Bm/F#) vi(Em) v(D) } แต่ ใน phrase A จะเน้นตัว 2 (add2) เป็นหลักครับ และท่อนจบใน phrase C ผมคิดจากarpeggio Cmajor9 =C E G B D และ D9 = D F# G C E
อีกจุดที่ผมคิดไว้ ก็คือสามารถใช้ฝึกเปลี่ยน Key ได้ด้วย ในการฝึกของผมจะใช้การเปลี่ยน key แบบ circle of 4th (มาจากแนวคิดเดิมของเพลงอยู่แล้ว) เช่น เริ่มที่คีย์D ย้อนไป คีย์G, …. Gไป F…. F ไปคีย์ C … จนครบ Circle of 4th .. แต่ก็มีข้อจำกัดของการเคลื่อนที่อยู่นะครับ เพราะผมใช้สาย 5 เป็น root ในการกำหนดทิศทางของคีย์ เพื่อน ๆ จำเป็นต้องใช้การJump root ในการเคลื่อนที่เอาเองนะครับ จะได้ลงตัวการรูปแบบทำนองของแบบฝึกนี้
อุปกรณ์ที่ใช้กีตาร์ Fender American Standard ปี 90
Pickup - 2 Dimarzio HS3 (Neck & Bridge) , 1 vintage fender (mid)

Efffect ใช้ Software ของ Dsound และ Plug-ins ของ Amplitube โดยใช้กับ AudioCapture Edirol รุ่น UA-20
และ Boot เสียงด้วย OD1 ของ Boss


ขอบคุณ  http://www.guitarthai.com/

วันเสาร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ประวัติความเป็นมาของกีตาร์ ( ย่อ )

กีตาร์ ถือเป็นเครื่องดนตรีที่เก่าแก่ที่สุดชนิดหนึ่งของมนุษย์เพียงแต่ชื่อเรียก และรูปร่างย่อมแตกต่างกันไปตามแต่ละยุคสมัย ซึ่งเริ่มเป็นที่นิยมในแถบเปอร์เซียและตะวันออกกลางหลายประเทศต่อมาได้เผย แพร่ไปยังกรุงโรมโดยชาวโรมัน จากนั้นก็เริ่มได้รับความนิยมในสเปน ในยุโรปกีตาร์มักเป็นที่นิยมในหมู่ชนชั้นสูง และมีเชื้อพระวงศ์หลายพระองค์ที่ให้ความสนใจและศึกษาอย่างเช่น Queen Elizabeth I ซึ่งโปรดกับ Lute ซึ่งถือว่าเป็นต้นแบบของกีตาร์ก็ว่าได้ แต่การพัฒนาที่แท้จริงนั้นได้เกิดจากการที่นักดนตรีได้นำมันไปแสดงหรือเล่น ร่วมกับวงดนตรีของประชาชนทั่ว ๆ ไปทำให้มีการเผยแพร่ไปยังระดับประชาชนจนได้มีการนำไปผสมผสานเข้ากับเพลงพื้น บ้านทั่ว ๆ ไปและเกิดแนวดนตรีในแบบต่าง ๆ มากขึ้น

ขอบคุณ  http://guitarsu.blogspot.com/

วันพฤหัสบดีที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2555

วิธีเลือกซื้ออูคูเลเล่


อูคูเลเล่




1. ตั้งงบประมาณ ถือเป็นเรื่องสำคัญไม่น้อย เพราะอูคูเลเล่นั้นมีราคาตั้งแต่หลักพันต้น ๆ ไปจนถึงหลักหมื่น ดังนั้นการตั้งงบประมาณเอาไว้ล่วงหน้าจะทำให้คุณเลือกเจ้ากีตาร์จิ๋วได้ง่ายมากขึ้น

2. เลือกขนาดที่ชอบ เพราะเจ้ากีตาร์จิ๋วนี้มีถึง 3 ขนาดตามแต่ความต้องการของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็น Soprano ที่มีขนาดเล็กที่สุดและเสียงที่ได้ก็เบาสมกับขนาด Concert ถือเป็นขนาดมาตรฐานที่มีคนนิยมเล่นมากที่สุด และ Tenor ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าทั้งสองแบบข้างต้น แต่เสียงที่ได้จะมีความกังวานและดังมากกว่า

3. ชนิดของวัสดุที่นำมาผลิต แบ่งออกเป็นเนื้อไม้แท้ (Solid) ไม่ว่าจะเป็น ไม้ koa มะฮอกกานี Zebra wood หรือไม้ชนิดอื่น ๆ กับไม้อัด (Composite/Plywood) ซึ่งแน่นอนว่าไม้เนื้อแท้ย่อมให้เสียงที่ดีกว่าไม้อัด และยิ่งเวลาผ่านไปเสียงก็จะยิ่งดีขึ้นอีกด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น แม้ว่าจะเป็นอูคูเลเล่ที่ทำจากเนื้อไม้แท้แต่ก็มีเสียงที่แตกต่างกันได้ อยู่ที่ว่าอูคูเลเล่นั้นทำจากเนื้อไม้แท้จากอะไรเช่นกัน


จากนั้นก่อนที่คุณที่จะจ่ายเงินซื้อ ให้สังเกตจุดต่าง ๆ ของอูคูเลเล่ ให้ดีด้วยไม่ว่าจะเป็น
-        บริเวณรอยต่อ จะต้องหนาแน่น โดยเฉพาะบริเวณ คอ และบริเวณ bridge (ส่วนที่สายด้านล่างลงมาร้อย) รวมทั้งต้องไม่มีรอยแตก ข่วน หรือรอยใด ๆ เลย
-       ถ้าวางอูคูเลเล่ในแนวระนาบ แล้วไม้ไม่มีการคดงอถือว่าผ่าน แต่ถ้ามีการคดงอให้ขอเปลี่ยนทันที
-       เช็ครอบ ๆ ตัวกีตาร์จิ๋วว่าทาแล็คเกอร์สม่ำเสมอกันหรือไม่ มีการตะไบตัวเครื่องเรียบร้อยดีแล้ว และต้องไม่มีส่วนแหลมคมโผล่ให้เห็น
-       ที่สำคัญที่สุดคือต้อง เช็คเสียง ว่าใช้ได้หรือไม่ อาจจะใช้วิธีให้คนอื่นช่วยฟังเสียงให้ว่าเสียงที่เล่นออกมานั้นเพี้ยนหรือไม่ หรือเสียงที่ได้ยินนั้นถูกใจคุณหรือเปล่า
การเล่นอูคูเลเล่นั้นก็เหมือนเป็นงานอดิเรก เพราะฉะนั้นในการเลือกซื้อแต่ละครั้งให้เอาตัวคุณเป็นที่ตั้ง เลือกกีตาร์จิ๋วในระดับราคาที่คุณจ่ายไหว และมีเสียงที่ไพเราะอย่างที่คุณชอบ เพราะถ้าเลือกซื้อแต่ของราคาแพง แต่ไม่ตรงความต้องการของคุณแทนที่การเล่นอูคูเลเล่จะให้ความสุข จะกลายเป็นให้ความทุกข์แทนก็เป็นได้

ขอบคุณ http://musicstation.kapook.com

วันอังคารที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ถ้านิ้วสั้นจะเล่นกีตาร์ได้ไหม ?

ผมเคยได้ยินหลายคนที่อยากจะหัดเล่นกีต้าร์ แต่คิดว่าตัวเองมีอุปสรรค เพียงเพราะนิ้วมือสั้นกว่าคนทั่วไป ผมก็เห็นว่ามีนักกีต้าร์ที่ตัวเตี้ยๆ นิ้วสั้นๆ ออกจะเยอะแยะไป สำหรับผมแล้วคิดว่าการที่นิ้วมือสั้นก็อาจจะมีผลในการจับคอร์ดบางคอร์ด หรือบางฟอร์ม ที่ต้องกางนิ้วเยอะๆ เช่นพวกคอร์ดทาบอยู่บ้าง แต่การฝึกบ่อยๆ โดยเฉพาะการฝึก Scale หรือลูกฝึกอื่นๆที่เป็นการฝึกความแข็งแรงของนิ้วก็มีส่วนอย่างยิ่งที่จะช่วยให้ การจับคอร์ดในแบบยากๆนั้นง่ายขึ้น แข็งแรงขึ้น เหยียดนิ้วได้ดีขึ้น สรุปแล้ว ผมขอย้ำว่า "การฝึกฝน" เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ถ้าอยากจะหัดเล่นกีต้าร์ก็เล่นไปเลยครับ อย่าเพิ่งไปกังวลเรื่องอื่นเลย โดยเริ่มจากคอร์ดง่ายๆก่อน เช่นพวกคอร์ดเปิด แล้วค่อยพัฒนาเป็นคอร์ดในฟอร์มอื่นๆต่อไปครับ

ขอบคุณ http://www.guitarkung.com

วันจันทร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2555

วิธีการเลือกซื้อกีตาร์ ( มือใหม่ )

วิธีการเลือกซื้อกีตาร์

พาผู้รู้จริง ไปเลือกซื้อกีตาร์ด้วย  ต้องรู้จริงๆ นะครับ ไม่ใช่ว่าเห็นลูกชายข้างบ้านมันเล่นกีตาร์เป็น ก็ชวนมันไปช่วยเลือกกีตาร์ อาจจะซวยได้กีตาร์เหี้ยราคาแพงก็ได้ เพราะใครจะรู้ว่าที่มันเล่นกีตาร์มันเล่นเอาหล่ออย่างเดียวหรือเปล่า

ผู้ซื้อควรมีความรู้พื้นฐาน หรือเล่นกีตาร์เป็นบ้าง แน่นอนครับ ถ้าเล่นไม่เป็นแนะนำให้ไปยืมคนอื่นเล่นให้พอเป็นก่อน เพราะถ้าเล่นไม่เป็นก็จะลองเสียงไม่ได้ ไม่รู้ระดับทัชชิ่ง ไม่รู้ว่าคอใหญ่ไปหรือเปล่า ทีนี่พอซื้อมาแล้ว เล่นไม่ได้ ก็ใบ้แดก ของใช้เลยกลายเป็นของโชว์ไปจริงๆ

กีตาร์ตามร้านโดยมากจะไม่ตั้งสายเอาไว้พร้อมเล่น เพื่อป้องกันการคดงอของคอกีตาร์ เห็นมะบอกแล้วว่ามันจำเป็นต้องเล่นให้เป็นก่อน เพราะว่าตามร้านมันไม่ตั้งสายไว้ให้ ถ้าเราตั้งไม่เป็นจะไปให้ใครตั้งให้ เดี๋ยวเจ้าของร้านมันรู้ว่าเราไม่เป็นจะโดนหลอกเอาได้ และที่สำคัญ การตั้งสายกีตาร์นั้น เป็นศาสตร์ที่คลาสสิคอย่างนึงนะครับ หากใครเล่นกีตาร์จนชำนาญ ก็จะสามารถตั้งเสียงให้ถูกคีย์โดยใช้หูเป็นมาตรฐานได้เลย แถมการตั้งเสียงนั้นยังมีตั้งหลายวิธี เวลาไปซื้อลองศึกษาวีธีตั้งสายแบบเทพไปลอง แล้วจะหล่อมาก

อย่าด่วนใจร้อนรีบซื้อกีตาร์ ควรทดลองหลายๆ ยี่ห้อก่อน เอาที่เราพอใจที่สุด บางทีใจร้อนเกินไปก็ไม่ดี เพราะกีตาร์แต่ละยี่ห้อนั้น คุณภาพไม่ต่างกันเท่าไร ลองชั่งน้ำหนักของคุณภาพกับราคา แล้วศึกษาดูก่อน

สิ่งสำคัญเวลาเลือกซื้อกีตาร์ ไม้ที่ใช้ทำกีตาร์เป็นสิ่งแรกที่สำคัญมากครับ ไม้เเต่ละชนิดก็จะให้เสียงที่แตกต่างกันออกไป จะมีตั้งแต่ไม้เอลเดอร์ ไม้เเอช ไม้มะฮอกกานี ไม้โรสวู๊ด จนกระทั่งถึงไม้อัด แต่ไม่อัดก็จะใช้ทำกีตาร์คุณภาพต่ำๆ เท่านั้น ไม่มีโอกาสได้เสนอหน้าเข้าไปอยู่ในโรงงานกีตาร์คุณภาพสูงหรอกครับ กีตาร์ที่ทำจากไม้อัด ก็ได้แก่สองยี่ห้อที่แนะนำไปตอนต้น (แต่อย่าชะล่าใจไปเสียหมด เพราะไอ้สองยี่ห้อนั้น รุ่นที่มันผลิตมาแรกๆ เป็นกีตาร์ระดับกลางที่คุณภาพดีใช้ได้เลย ถ้าเจอขอให้ซื้อเก็บไว้ ถ้าจะขายก็มาบอกผม เดี๋ยวจะซื้อต่อ)

ปีที่ผลิตก็สำคัญ คนเล่นกีตาร์ มันก็เหมือนคนเล่นของเก่า ปีที่ผลิตยิ่งเก่า ยิ่งดี เพราะไม้แห้งจัด เสียงเพราะ กีตาร์ไม่ใช่กิ๊ก ที่จะเปลี่ยนบ่อยๆ ดังนั้นซื้อดีๆ ไปเลยดีกว่าครับ ที่สำคัญ ควรเหมาะกับกระเป๋าสตางค์ด้วย

ขอขอบคุณ http://khunkrabi.exteen.com/

วันอาทิตย์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2555

คำแนะนำมือใหม่

 ก่อนที่ผมจะแนะนำการเล่นกีตาร์นั้น ผมขอบอกว่าที่ผมจะบอกต่อจากนี้เกิดจากประสบการณ์ของผมเอง

การเล่นกีตาร์ให้ดีได้นั้นสำหรับผมคือ 1.ความชอบ 2.แรงบันดาลใจ 3.มีครูฝึกที่ดี 4.ไม่ย่อท้อ 5. idols

1. ความชอบ เพราะหากเราทำอะไรโดยที่เราชอบแล้วนั้นไม่ว่ามันจะยากเพียงใดเราก็จะทำมันด้วยความสนุก อย่างการเล่นกีตาร์นี้ ผมเริ่มต้นจากความชอบก่อนเลย เล่นเพื่อนเล่นแล้วอยากเล่นตามบ้างถึงแม้ตอนแรกมันอาจจะยังไม่เป็นเพลง แต่พอเราได้เล่นกีตาร์ไปเรื่อยๆ เรากลับสนุกกับเสียงกีตาร์และทำให้เราทำมันได้ขึ้นได้

2.แรงบันดาลใจ อันนี้ผมว่าสำคัญมากสำหรับผม ( เรื่องจริง ไม่อยากบอกเลย ) คือผมไปแอบชอบผู้หญิงอยู่คนหนึ่งแต่ไม่กล้าเข้าไปคุยด้วย แล้วพอดีผมมาสังเกตุเห็นเพื่อนของผมมันเล่นกีตาร์เก่งแล้วผู้หญิงก็ชอบกันใหญ่ทั้งที่หน้าตามันก็ไม่ได้ดีไปกว่าผมเลย ( เข้าข้างตัวเองไว้ก่อน ) ผมจึงเริ่ม เอาวะกีตาร์นี่แหละที่สามารถช่วยผมได้ จากนั้นผมก็หัดเริ่ม โดยให้เพื่อนผมนี่แหละสอน ฝึกไปเรื่อยๆจนพอได้สักเพลงหนึ่ง จำได้เลยว่า เพลง ย้ำของ พี่ๆวง Bodyslam ( ขอบคุณมากครับวงนี้ทำให้ผมกล้าร้องเพลงต่อหน้า ญ ) จากนั้นผมก็ขอให้เพื่อนไปเล่นเป็นเพื่อนด้วย ( ผมอาย ) จากนั้นผมก็ไปเล่นเลย ต่อหน้าหญิงและเพื่อนเค้าเลย ตอนนั้นผมเลยคำว่าด้านแล้วพอเล่นเสร็จ ผมรู้สึกสบายได้ปลดปล่อยและถึงแม้ว่าคนที่ผมชอบจะไม่ชอบผม แต่ผมก็ฝึกไปเรื่อยๆเพราผมคิดว่า ต้องมีสักวันที่จะมีคนชอบผมบ้าง
ทั้งหมดที่ได้อ่านเป็นเรื่องจริงของผม จนวันนี้ก็มีคนชอบผมบ้างละ

3.มีครูฝึกที่ดี การที่เราจะทำอะไรให้เก่งได้นั้นจำเป็นต้องมีผู้ช่วย เพื่อนๆต้องหาผู้ช่วยเพื่อสอนเรา ถึงแม้ว่าเราจะรู้อยู่และคิดว่า ฉันเก่ง แต่ก็มีคนที่เก่งกว่าตัวเองอีกมาก จำไว้อย่าทะนงตัว

4.ไม่ย่อท้อ อันนี้ผมประสบเองเลยตามที่ได้อ่านข้างบน จำไว้ครับ อุปสรรคก่อให้รักบังเกิด ( เหอะๆ ขอยืมชื่อเพลงมาหน่อยละกาน )

5. ไอดอล ตอนเด็กๆเพื่อนก็คงมีความคิดอยากเป็นแบบคนโน้นคนนี้ แต่มีบางคนกลับบอกว่า หน้าอย่างแกจะเป็นได้หรือ ถ้าได้ฟังคำนี้ อย่าไปด่าเขา เพราะนี้คือแรงผลักดันให้เราเป็นอย่างนั้นได้ บางทีเราอาจจะกลับไปด่าเค้ากลับก็ได้ ( หัวเราะทีหลังดีงกว่า 555 )

ทั้งหมดนี่คือ 5 สิ่งที่ผมได้ทำมาหมดแล้วเพื่อนจะเชื่อ หรือไม่เชื่อก็ได้ ( เชื่อเถอะ ) แต่ขอให้จำไว้ การที่เราทำสิ่งที่เราชอบ เราจะทำมันได้ดีที่สุด เพราะเราชอบนั่นเอง

วันอังคารที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

วิธีการตั้งเสียงกีตาร์




1.  ตั้งสาย 1 ก่อน ให้พอตึง ๆ อย่าตึงมากนะครับ เดี๋ยวสายขาด  
2.  เอานิ้ว กดไปที่ช่องที่ 5 ของสาย 2 แล้วดีด ฟังเสียงเทียบกับสาย 1 ครับ ให้เราหมุนสาย 2 จนกว่า เสียงที่เรากดในช่องที่ 5 จะเท่ากับสาย 1  
3.  เอานิ้ว กดไปที่ช่องที่ สาย 3 เน้นนะครับ ช่องที่ สาย 3 แล้วดีด ฟังเสียงเทียบกับสาย 2 แล้วก็หมุนสาย 3 จนกว่าเสียงจะเท่ากับสาย 2  
4.  เอานิ้ว กดไปที่ช่องที่ 5 สาย ดีด ฟังเสียงเทียบกับสาย 3 แล้วตั้งสายเหมือน ข้อ 2. และ 3.  
5.  สาย 5 และ สาย 6 ทำวิธีเดียวกันกับ ข้อ 4 ครับ  
สรุปก็คือ มีเฉพาะสาย 3 เท่านั้น ที่ต้องกด ที่ช่อง 4 เพื่อเทียบเสียง นอกนั้น กด ช่อง 5 หมดเลยครับ  


แต่ถ้าเพื่อน ๆ อยากจะตั้งให้ตรงกับเสียงมาตรฐานล่ะก้อ ต้องซื้อเครื่องตั้งสายครับ ตัวนึงก็หลักพัน หรือเสาะหาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ สำหรับการตั้งสายมาใช้ก็ได้ครับ (พวก cakewalk ก็มีครับ ในส่วนของ tuner ครับ ซึ่งผมจะอธิบายเรื่องนี้อีกทีในเรื่องการใช้โปรแกรมทำงานดนตรีครับ (เพราะฉะนั้น ถ้าเล่นคนเดียว ไม่ได้ไปเล่นกับใครที่ไหน ก็สามารถตั้งสาย ตามที่ผมแนะนำก่อนก็ได้ครับ แต่ถ้าเกิดจะเล่นกับเพื่อน ก็เอาเครื่องดนตรีของเรา ตั้งเสียงให้ตรงกับของเพื่อน ครับ)


วันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

วิธีเล่นกีตาร์ขั้น baby



วิธีอ่านแทปแทป (Tab หรือ Tablature) คือ สัญลักษณ์ที่ใช้จดบันทึกเสียงทางดนตรี สำหรับเครื่องสายที่มีลักษณะคล้ายกีต้าร์ เช่น แบนโจ (Banjo) หรือ เบส (Bass) โดยแทป (Tab) นั้นได้พัฒนามาจากโน้ตดนตรีสากล แต่จะอ่านง่ายกว่า สามารถเข้าใจได้รวดเร็ว ทั้งยังบอกถึงตำแหน่งนิ้วบนคอกีต้าร์ได้ดีกว่าโน้ตดนตรีสากลอีกด้วย

แทป (Tab) มีวิธีการบันทึกได้ 2 แบบ คือ แทป (Tab) แบบมือขวา และ แทป (Tab) แบบมือซ้าย ขึ้นอยู่กับว่าต้องการให้ผู้อ่านนั้นได้รับรู้ถึงเรื่องอะไร

แทป (Tab) มือขวา บอกตำแหน่งของนิ้วมือขวาที่ใช้ดีดสายกีต้าร์ต่าง ๆ เพื่อให้ทราบว่าต้องดีดเส้นไหนบ้างหรือเกาสายกีต้าร์เส้นไหนบ้าง รูปแบบใด
แทป (Tab) มือซ้าย บอกวิธีการจับคอร์ดว่าต้องจับอย่างไรบ้าง เนื่องจากบางเพลงอาจจะต้องจับคอร์ดที่ยากกว่าปกติ หรือเป็นลูกเ่ล่นเพิ่มเติมในการเกาหรือดีดเพลงนั้น ๆ และเพลงที่เน้นการวางนิ้วมือบนคอกีต้าร์และการเคลื่อนที่ของนิ้วมือซ้าย ตามอารมณ์ของเพลงนั้น ๆ เช่น เพลงคลาสสิค เพลงบรรเลงด้วยกีต้าร์

ตัวอย่างโน้ตแทป

C D
---------------------------------------2-------------- สายที่ 1 ของกีต้าร์ หรือสายล่างสุด (เสียงแหลมสุด)
------------1-----1--------------2---------2--------- สายที่ 2 ของกีต้าร์
---------0-----0-----0--------3----3----3----3------ สายที่ 3 ของกีต้าร์
------2---------------------0------------------------- สายที่ 4 ของกีต้าร์
---3-------------------------------------------------- สายที่ 5 ของกีต้าร์
------------------------------------------------------ สายที่ 6 ของกีต้าร์ หรือสายบนสุด (เสียงทุ้มสุด)

จากตัวอย่างข้างบนการอ่านโน้ตแทปก็คือ ให้ดูจากคอร์ดด้านบนก่อนว่าเป็นคอร์ดอะไร ให้จับคอร์ดตามนั้น

จากนั้นตัวเลขที่เห็นก็คือ เฟรตหรือช่องบนคอกีต้าร์ที่ใช้นิ้วกดลงไป ซึ่งหากตัวเลขอยู่บนสายไหนก็ให้ดีดสายนั้นๆ
จากตัวอย่าง เลข 3 อยู่บนสายที่ 5 ให้กดเฟรตที่ 3 ของสายที่ 5 และดีดสายที่ 5 เป็นอันจบโน้ตตัวแรก
ตัวถัดไปเป็นเลข 2 ให้กดเฟรตที่ 2 ของสายที่ 4 และดีดสายที่ 4 ก็จะจบโน้ตตัวที่ 2 หากเป็นเลข 0 ก็คือดีดสายเปล่าๆ โดยไม่ต้องกดอะไรเลย

เป็นไงบ้างครับเพื่อนๆ คงไม่ยากสำหรับมือใหม่นะครับ ยังไงก็ลองฝึกแกะแทปจากเพลงช้าๆ แนวอคูสติคกันดูนะครับ ค่อยๆ ฝึกกันครับ ถ้าเพื่อนๆ เล่นแทปกันคล่องแล้ว เดี๋ยวผมจะหาแทปมาลงในเว็บให้เยอะๆ ครับ ส่วนการถามตอบก็ไว้ไปถามกันบนเว็บบอร์ดได้เลยนะครับ เผื่อว่าจะมีเพื่อนๆ ท่านอื่นๆ เข้ามาตอบกันครับ

ขอขอบคุณที่มา http://www.baanmaha.com/community/thread22006.html